ตกแต่งรีโนเวทคอนโด 80 ตารางเมตร เป็นเรือนหอชิคๆ สไตล์ Biker
เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสาน สไตล์การตกแต่งคอนโดใหม่และบ้าน แบบที่ตนเอง และ คนที่รักชื่นชอบและเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้บ้านนั้นน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
โดยเป็นกระทู้ของ คุณสมาชิกหมายเลข 1575141 จากห้องชายคา บ้านและคอนโดใหม่ ซึ่งเธอกับสามีได้ช่วยกันเก็บหอมรอมริบ เพื่อจะมาตกแต่งคอนโดมิเนียมให้เป็นเรือนหอในแบบผสานระหว่างความเรียบหรูกับสไตล์ไบค์เกอร์ของสามี น่าสนใจว่าคอนโดมิเนียมนี้จะออกมาเป็นแบบไหน
โดยการตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่เป็นเรื่องยาก แต่ว่าการแต่งคอนโดนั้นเป็นเรือนหอกับคู่ชีวิตเป็นเรื่องยากกว่านั้นอีก
ซึ่งตอนนี้การรีโนเวทก็ได้ทำไปทั้งห้องแล้ว แต่ว่า ขั้นตอนยังแต่งไม่เสร็จสิ้นนะคะ ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่เลย ก็ได้แค่ห้องนั่งเล่น ส่วนกินข้าวแล้วก็ครัว ที่ตอนนี้เอาไว้ใช้สังสรรค์กับเพื่อนๆ เหลือพวกเฟอร์นิเจอร์ของห้องนอนกับจัดของในห้องแต่งตัวอีกนิดหน่อย คืออยากรีบมารีวิวก่อนนะค่ะ เพราะว่ากลัวว่าถ้าขนของเข้ามาหมดจะรกไปกว่านี้
เราลองมาดูในส่วนของแปลนห้องกับ reference กันบ่างค่ะ โดยนี่เป็นแบบแปลนเดิมของห้องที่ซื้อมาค่ะ จะมีพื้นที่ประมาณ 80 ตาราเมตร และจะแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ 2 ห้อง แล้วก็ห้องนอน 2 ห้องค่ะ
ภาพอันนี้คือภาพที่เราได้นั่งวาดคร่าวๆ ไว้ในหัวนะคะ ก็อยากให้ตัวห้องนั่งเล่นออกมาเป็นแนวนี้ ส่วนห้องครัวเราไม่ติดอะไรค่ะ ขอแค่เรียบๆ สะอาดๆ เลยไปเลือกหน้างานเอาเลย ซึ่งมันอาจจะออกมาไม่เป๊ะเหมือนแบบทั้งหมดนะคะ แบบนี้ดูไว้เป็นคร่าวๆ เฉยๆ
โดยส่วนนี้นี่เป็นแปลนใหม่หลังได้รับการรีโนเวทแล้วนะคะ
ในเรื่องของการรีโนเวท เราอยากได้ built - in ไว้สำหรับเก็บของ และก็อยากเปลี่ยนสไตล์ของการแต่งห้องตามที่เราทั้งคู่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งคุณสามีก็เห็นดีด้วย ดังนั้นก็เลยลงทุนรีโนเวทใหม่ เบ็ดเสร็จ ส่วนนี้ หมดเงินไปประมาณ 700,000 ค่ะ ใช้เวลาทำประมาณ 4 เดือนกว่าจะเสร็จ นี่ก็แทบลากเลือดเลยทีเดียว ต้องเสียอารมณ์ไปหลายครั้งกับช่างรับเหมา พูดแล้วโมโหจริงๆ งั้นปล่อยผ่านค่ะ ไหนๆ ก็สำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้ว
สำหรับส่วนที่เราได้ทำใหม่ หลักๆ ก็จะมีตามนี้นะคะ
ส่วนที่ 1. ต้องลอก wallpaper ของเก่าออกทั้งห้อง เพราะว่ามันมีบางส่วนที่ขึ้นรา
ส่วนที่ 2. ต้องรื้อฝ้าเพดานออกทั้งหมด เพราะว่าปลวกกิน
ส่วนที่ 3. ต้องรื้อพื้นเก่าที่เป็นปาเก้ออก เพราะว่าพื้นเก่าหน้าไม้มันบางเลยขัดไม่ได้ แล้วยังปูพื้นเอ็นจิเนียร์ริ่งวูดใหม่
ส่วนที่ 4. ต้องทุบผนังห้องด้านหน้าซ้ายมือ เพื่อติดชุด( built-in) ไว้สำหรับเก็บของให้เป็นระเบียบ
ส่วนที่ 5. ทำการทาสีประตู + ผนังใหม่ทั้งห้อง
ส่วนที่ 6. ต้องเดินท่อน้ำ และ สายไฟใหม่หมด
ส่วนที่ 7. ทำการเปลี่ยนหน้าต่าง + ประตู
ส่วนที่ 8. ติดส่วนของ built - in
เราแค่ฟังก็เพลียแล้วเนอะ ซึ่งกว่าจะได้ห้องที่ถูกใจนี่ใช้เวลานานมากจริงๆ มาดูสภาพห้องเดิมๆ ก่อนช่างจะลงมือรื้อกันค่ะ
รูป BEFORE
ภายในห้องกระจกบานใหญ่ติดไว้ด้วยนะ ซึ่งตอนแรกว่าจะเอาออก แต่ว่าคุณแม่บอกว่า เสียดาย บวกกับหากจะยกลงก็ลำบาก ห้องเราอยู่ชั้น 7 เลยค่ะ ดังนั้นก็เลยตัดสินใจย้ายเอาไปไว้ในห้องแต่งตัว และตอนที่เพื่อนมาที่ห้อง นางบอกว่า อย่างกะห้องเต้นบัลเล่ต์เลยทีเดียว
ในส่วนของชุด built-in ของเดิมที่มาพร้อมห้อง เมื่อรื้อออกมาแล้วเรายกให้ช่างไปเลย
ส่วนอันนี้ก็ให้ช่างเริ่มลงมือทำมาได้สักพักแล้วล่ะค่ะ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปมาครบทุกขั้นตอนนะคะ มันอาจจะมีข้ามๆ ไปบ้าง เพราะว่าไม่ค่อยได้แวะไปดู ส่วนใหญ่คนที่แวะไปดูจะเป็นคุณสามีค่ะ และเราก็แค่โทรศัพท์สั่งการแค่นั้น
ภาพ AFTER
โดยส่วนนี้เป้นภาพห้องหลังจากการรีโนเวทแล้ว
และแล้วรีโนเวทเสร็จแล้ว โดยห้องดูสว่าง และ กว้างขึ้นเยอะเลยค่ะ โดยเริ่มรู้สึกมีพื้นที่โล่งเหมือนอยู่บ้านขึ้นมาละ จึงลบภาพห้องทึมๆ มืดหม่นไปได้เลย ซึ่งประตูสีเหลืองนี่ช่วยให้ห้องสดใสขึ้น ก็คิดไม่ผิดเลยที่ได้เลือก แต่ความจริงยังต้องติดตรงผ้าม่าน ตรงส่วนหน้าต่างเล็กๆ ใกล้ๆ ประตูด้วย แล้วก็มีพวกตู้เย็นที่สั่งมาแล้วแต่ยังไม่ได้มาส่ง กับเฟอร์นิเจอร์บางอย่างที่ยังไม่ได้ตกลงเลือกมา
หลังจากนั้นพอเตรียมห้องเสร็จแล้ว เรากับคุณสามี ก็ได้เริ่มขับรถไปตามหาเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ จากที่ต่างๆ ให้ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่คิดกันไว้ ช่วงนั้นยอมรับเลยว่าเหนื่อยมาก จันทร์ - ศุกร์ทำงาน เสาร์ - อาทิตย์ก็สิงอยู่ตามร้านเฟอร์นิเจอร์ทั้ง SB Index แถวทองหล่อก็ไปมา นาทีนั้นใครบอกที่ไหนดี ที่ไหนเริด เราก็ไปทัวร์มาหมด ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็แฮปปี้สุดๆ
โดยเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ เฉพาะที่เป็นชิ้นใหญ่ๆ เราจะซื้อใหม่ค่ะ ก็จะมีพวกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เอามาจากบ้านแม่สามี ซึ่งกว่าจะได้เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกใจก็ใช้เวลาอยู่นานเลยค่ะ และสุดท้ายก็ไปตายรัง โดยได้พวกชิ้นหลักๆ อย่าง เช่น โซฟา โต๊ะ ที่ Habitat CDC ที่เลือกของแบรนด์นี้เพราะเราชอบตั้งแต่ตอนที่มีร้านอยู่ที่สยามดิสแล้วอะ และความจริงเราอยากได้หลายชิ้นมาก แต่โดนคุณสามีเบรกไว้ค่ะ นางบอกให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ เลือก
โดยตอนแรกกะจะซื้อโซฟาถึง 3 ตัว แต่ว่าโดนเบรกว่ามีกันอยู่ 2 คนจะเอาไปทำไมนักหนา คุณสามีเลยให้ผ่านแค่ 2 ตัวคือโซฟาตัวใหญ่ 1 และเล็ก 1
ซึ่งแค่ห้องนั่งเล่นอย่างเดียว กว่าจะจัดของเข้าที่ก็ต้องใช้เวลาแต่งห้องพอสมควรเลย ใช้เวลาเยอะตอนที่เลือกเฟอร์นิเจอร์นี่แหละ ลองมาดูส่วนที่เราตกแต่งเสร็จไปบ้างแล้ว แทบจะอดใจรอให้เสร็จเร็วๆ ไม่ไหว
โดยเราจะมาโฟกัสแต่ละมุมแบบชัดๆ กันนะคะ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปทางด้านขวามือ ส่วนนี้เราได้ทุบผนังออก แล้วก็ใส่ตู้เป็นแบบ built-in เข้ามาแทน ไว้เก็บของรกๆ ให้เป็นระเบียบ อารมณ์ก็ประมาณแบบเพื่อนมาหาและเก็บของยัดเข้าตู้แล้วปิดฝา ห้องก็โล่งละ เราเอาไว้ใส่พวกกระเป๋า รองเท้า ของจุกจิก คือ พวกที่เป็นตู้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นสมบัติของเราเกือบทั้งนั้นค่ะ แต่มีเว้นโล่งๆ ไว้ตรงกลางตู้ไม่ให้มันดูทึบจนเกินไป และเราเอาไว้สำหรับวางพวกหนังสือ กับส่วนที่เป็นของตกแต่งบ้านเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ส่วนที่เป้นประตูสีเหลืองๆ นั่นคือ จะเป็นห้องนอนของเราค่ะ แต่ตอนนี้ยังโล่งอยู่เลย
ซึ่งนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ยังไม่ได้ขนเอามาจากที่บ้านพ่อแม่ทั้งหมดเลยค่ะ
ตรงมุมนี้ เรากับแฟน เป็นปลื้มมากเลยค่ะ โดยนี่แหละห้องนั่งเล่นในฝันเลย และก็ไม่เสียแรงที่เลือกเฟอร์นิเจอร์เองกับมือ ซึ่งเราชอบโซฟาหนังตัวนี้ของ Habitat มากกกกกก ก็เรียกได้ว่าคลั่งไคล้เลยล่ะ และโคมไฟตั้งพื้นด้านหลังนี่คือฝีมือการเลือกของคุณสามีล้วนๆ ค่ะ เขาอยากได้อารมณ์เท่ๆ ดูเป็นสตูดิโอ
และตรงนี้ ถ้าหากว่ามองเฉยๆ อาจจะคิดว่าเป็นที่สำหรับนอนเล่นธรรมดาๆ แต่ที่จริงแล้วเราว่ามันเจ๋งมากค่ะ เราอยากพรีเซนต์สุด โดยประเด็นก็คือ ตรงด้านโต๊ะหน้าโซฟานี่แหละ ที่ซื้อมาเพราะมันมีลูกเล่น และสามารถปรับพับขึ้นพับลง กางและหุบได้
งั้นลองมาดูทีละ step กันเลยนะคะ เพราะเวลามีแก๊งเพื่อนมาบุกห้อง เราก็แค่กางโต๊ะเล็กออก จากนั้นมันก็จะกลายเป็นโต๊ะใหญ่ไว้รับแขกได้หลายคน ซึ่งจะใช้ดูทีวี ทำงาน ใช้อ่านหนังสือ หรือว่ากินเบียร์กับเพื่อนๆ ก็มุมนี้เลยเป็นมุมที่เวลามาเราจะกางคอมแล้วนั่งแช่ดูทีวีตรงนี้เลยแหละ
และเวลาที่เพื่อนๆ มาเที่ยวที่ห้อง เราก็อาจจะจะเอาเก้าอี้มาต่อเพิ่ม หรือถ้าอยากสบายๆ หน่อยก็เปลี่ยนมานั่งพื้นแทน แบบนี้ก็ชิลๆ ดีนะค่ะ
ส่วนถัดมา ในมุมนี้เราจัดเอาใจคุณสามีเป็นพิเศษ เพราะหลังจากที่เรายึดเอาตู้ built-in ไปใส่พวกกระเป๋า รองเท้ากับของกระจุกกระจิกแล้ว ตรงมุมนี้ยังเอาไว้สำหรับเก็บของและโชว์หมวกกันน็อคเท่ๆ ที่เค้าชอบด้วย นี่ถ้าหากเค้าซื้อหมวกกันน็อคอีก สงสัยคงได้ซื้อตู้เพิ่มอีกแน่นอน
ส่วนต่อมาก็จะเป็น โต๊ะทำงาน ที่ยังไม่เคยได้ใช้งานแบบจริงๆ จังๆ เลยสักที เพราะว่าไปนั่งทำงานตรงโซฟา และถ้าย้ายเข้ามาอยู่แล้วคงได้ใช้งานเต็มที่ แต่ว่าที่ตั้งใจไว้ก็คือ เราจะเน้นความเรียบง่ายสบายตา เพราะจะได้มีสมาธิ เลยเลือกโต๊ะทำงานแบบเรียบๆ กับเก้าอี้นั่งสบายๆ นั่งแล้วเราจะได้ไม่ปวดไหล่ ปวดหลังและคอ ตรงโต๊ะนี้ก็จะมีลิ้นชักเล็กๆ ไว้เพื่อเก็บพวกสมุดเล่มน้อยๆ ด้วย
แต่ก็อย่างที่บอก ว่า ตอนนี้ยังขนของมาไม่หมด คาดว่าในอนาคตเราก็อาจจะไปสอยชั้นเก็บเอกสารมาวางชิดผนังอีกสักชั้นค่ะ
ลองมาดูโซนกินข้าวต่อเลย ซึ่งด้วยความที่เราชอบสไตล์แบบเรียบๆ ดังนั้นก็เลยขอเลือกโต๊ะ + เก้าอี้เรียบๆ ที่มันจะดูเข้าชุดกัน คุมโทนขาว - ดำ โดยตอนแรกว่าโล่งไป เลยไปแกะภาพที่บ้านเก่ามาแปะ แต่ว่าก็ยังดูโล่งๆ อยู่ เลยเนอะ ดังนั้นเรามีสั่งตู้เย็นเอาไว้ ว่าจะมาวางไว้ตรงมุมติดประตูครัวเลยค่ะ
ลองมาดูในส่วนสุดท้ายของห้องกันดีกว่า
และนี่จะเป็นตรงครัวเล็กๆ ที่กะทัดรัดของเราเองนะคะ โดยครัวนี่ก็ทำการรื้อใหม่ทั้งชุดเหมือนกัน เพราะเราเลือกแต่งด้วยโทนสีเดียวกับห้องด้านใน มันจะได้เข้ากันทั้งหมด ซึ่งยังไม่ได้ใช้จริงๆ จังๆ เลย มีแค่ชงกาแฟ ทำกับแกล้มบ้างเล็กน้อย เลยยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย เพราะถ้าย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ คงเลอะเทอะกว่านี้แน่นอน
ก็จบไปเรียบแล้วค่ะ สำหรับการรีวิวเรือนหอคู่รักฉบับ Biker ของพวกเราทั้งสองคน เริ่มต้นจากคอนโดว่างๆ และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว เราพยายามจะแต่งคอนโดให้มีความสะดวกครบครัน และแต่งให้มีบรรยากาศสบายๆ เหมือนอยู่ที่บ้าน โดยตอนนี้อาจจะยังตกแต่งไม่เสร็จดีนะคะ แต่ว่าอยากเอาบางส่วนที่เสร็จแล้วมาให้ดูก่อน แบบว่าเห่อมากๆ ถ้ายังไงถ้าส่วนอื่นเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ เราก็จะมาอัพเดตอีกที ขอบคุณที่ตามดูรีวิวของเราจนจบค่ะ สวัสดี
ที่มา: http://pantip.com/topic/34213241
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น