รีโนเวทบ้านไม้ มรดกคุณตา คุณยายอายุร่วม ๔๐ กว่าปี งบ 7 แสนบาท
บทความนี้ เป็นบทความเกี่ยวกับการรีโนเวทบ้านเก่า ให้เป็นบ้านใหม่น่าอยู่ อายุ 40 กว่าปี เป็นบ้านที่ได้รับมรดกมาจาก คุณตาและคุณยาย อยู่ในจังหวัดเชียงราย ของคุณ เฮือนอินตาบัวลอม
ซึ่งเจ้าของกระทู้นั้นเสียดายที่จะต้องรื้อบ้านทิ้งไปเปล่าๆ ดังนั้นก็เลยได้ทำการ รีโนเวทเพื่ออนุรักษ์ ไว้เป็นของสะสม และยังใช้อยู่ได้ด้วย จะสวยขนาดไหนลองไปดูกันเลย
บ้านหลังนี้ ได้รับมรดกบ้านไม้เก่าของ คุณตา, คุณยายครับ ซึ่งบ้านหลังนี้อยู่ที่จังหวัดเชียงราย สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ เรียกได้ว่า เป็นบ้านไม้ทรงไทยทางภาคเหนือ มีห้องครัวแบบไทย ที่แยกออกไป และ มีสะพานไม้เชื่อม
บ้านหลังนี้ผ่านการตกแต่ง ปรับปรุงมาหลายครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของหลังคา ที่เคยเปลี่ยนมาแล้ว หลังจากได้รับมรดกมา ก็ได้เริ่มปรึกษาญาติๆ หลายท่าน ก็ได้แย้งบอกให้รื้อขายเป็นไม้ซะ เพราะว่าบ้านเก่ามากแล้ว
ไอ้ผมก็เสียดายอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะเดี๋ยวนี้บ้านไม้ก็หายากแล้ว ก็เลยดันทุรังที่จะปรับปรุงให้ใช้งานได้ตามยุคสมัย ลองมาดูกันเลยนะครับ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง นี่เป็นภาพนี้เป็นภาพจาก google ดีใจที่ยังมีภาพเก่าๆ ต้องขอบคุณ google ด้วยครับ
และนี่คือสภาพของบ้านมือสองก่อนการปรับปรุงครับ ผมก็ได้เข้าไปสำรวจสภาพไม้ในจุดต่างๆ ซึ่งพบว่ายังใช้งานได้ประมาณ 80% หมายความว่าต้องมีบางจุดที่ต้องมีการซ่อมแซมครับ
ปล. เนื่องจากพื้นที่บ้านเดิมของตา และ ยายได้ถูกแบ่งให้กับลูกทั้งหมด 4 คน เท่าๆ กัน หลังจากเอาโฉนดมากางดู ซึ่งผมก็เริ่มเห็นปัญหาแล้วละครับ หลังจากพบว่า ตัวบ้าน นั้นไปตกอยู่ในเขตพื้นที่ ของคุณน้าและคุณลุง
ดังที่เห็นนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หลายคนเชียร์ให้ผมรื้อบ้าน แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาครับทุกอย่างสามารถแก้ไขได้
โดยขั้นตอนต่อไปคือ การปรับพื้นที่ครับ ด้านหลังบ้านเดิมเป็นบ่อปลาของคุณตาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ผมจึงได้ทำการถมบ่อปลา และก็ปรับพื้นที่ เพื่อรอการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป หมดงบประมาณในส่วนนี้ไป หมื่นกว่าบาท
ซึ่งก่อนจะลงมือทำก็เลยวางแผนคร่าวๆ โดยหน้าตาของบ้านหลัง จากที่ได้ปรับปรุง เสร็จแล้วน่ามันจะเป็นอย่างไร ซึ่งผมก็เลยไปหาโปรแกรมเขียนแบบง่ายๆ ที่เรียกว่า google sketch up และลองมาร่างแบบคร่าวๆ ดู ก็จะได้หน้าตาออกมาเหมือนที่เห็นนี่แหละครับ ( อันนี้คาดหวังว่าน่าจะได้อย่างนี้ )
ต่อเนื่องจากที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยตัวบ้าน นั้นตกอยู่ในเขตที่ทับซ้อน กับที่ดินของญาติๆ ดังนั้นจึงต้องทำการย้ายตัวบ้านขยับเข้ามาอยู่ในเขตบ้านเรา
ซึ่งผมจึงได้ไปปรึกษากับช่างที่รับดีดบ้านย้ายบ้าน เขาได้ให้คำแนะนำกับผมว่าในส่วนของชานบ้านเดิม เป็นคอนกรีตด้วย และยังไม่สามารถย้ายได้หรือหากจะย้ายก็จะใช้งบประมาณสูง
จึงแนะนำให้ทุบทิ้งแล้วค่อยสร้างใหม่ และผมก็ว่าจ้างช่างในพื้นที่มาทำการทุบและรื้อส่วนนี้ออกไปหมดงบประมาณไปราว 3000 บาท
ในระหว่างที่รอบริเวณบ่อปลาเดิมที่ถมไปให้แน่นนั้น เวลาต่อจากนั้นผมก็ได้ไปเสาะหากระเบื้อง ที่คาดว่าน่าจะเข้ากับตัวบ้านได้ดีที่สุด ผลสรุปก็คือ ได้กระเบื้องว่าว เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องพายุลูกเห็บ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในพื้นที่ครับ
และได้ไปสำรวจราคากระเบื้องว่าว ในจังหวัดเชียงราย ก็พบว่าราคาตกอยู่ที่ประมาณแผ่นละ 11 บาท ผมแอบคิดว่ามันแพงไปไหม จึงได้โทรสอบถามจากเพื่อนๆ
จนท้ายที่สุด ก็พบว่ามีโรงงานที่จังหวัดลำพูน ซึ่งราคาขายหน้าโรงงานประมาณ 5.50 บาท จึงได้เดินทางไปที่ จังหวัดลำพูน เพื่อไปดูที่โรงงานและตรวจสอบคุณภาพ ก็พบว่าโอเคเลยครับ
ดังนั้นก็เลยสั่งกระเบื้องมาตามจำนวนคร่าวๆ ที่ได้จากแบบที่ออกไว้บวกไปเผื่อเหลือ เผื่อขาดอีกเล็กน้อย หมดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไป สี่หมื่นกว่าบาท + ค่าขนส่งอีก 8000 บาท ครับ
เอาล่ะ เมื่อพื้นที่พร้อม ต้องรอหลายเดือนเลยทีเดียว เรื่องการย้ายบ้าน จึงได้เริ่มต้นขึ้น ผมได้ติดต่อช่างในพื้นที่ คือเฮียมานิต อ.พาน มารับเหมาทำให้
และได้ตกลงค่าย้าย และ ดีดบ้าน ขึ้นเป็นเงิน 80,000 หลายท่านคิดบอกว่าแพงน่าดู คือ ผมจะบอกว่าผู้รับเหมาเขาจะคิดแพงหรือถูกขึ้นอยู่กับจำนวนเสาของบ้านครับ
ในบ้านหลังนี้มีเสาทั้งหมด 22 ต้น และเป็นการย้าย + ดีดขึ้นด้วย ซึ่งราคานี้พร้อมค่าเสาสำเร็จ เหล็ก 4 หุลเต็ม ที่เขาจะเอามาใส่ให้ตอนดีดบ้านขึ้นครับ ผมก็คิดว่า มันสมเหตุสมผลนะครับ ในรูปจะเห็นว่า ตัวบ้านได้ลาจากเสาเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า จะใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียว ในการย้ายบ้านและดีดบ้านครับ คนงานทั้งหมดเป็นชาวพม่า มีหัวหน้างาน ซึ่งก็เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ไวมาก นี่จะต้องจ่ายเงินแล้วใช่ไหม?
และหลังจากย้ายบ้าน + ดีดเพิ่มขึ้นสูงถึง 4 เมตร เรียบร้อยแล้ว โดยผมได้ขอให้ช่าง เพื่อช่วยเอาเหล็กเส้นดึงตัวบ้านไว้กับต้นไม้รอบๆ บ้านทั้ง 4 ด้าน
เพื่อที่จะได้ช่วยป้องกันพายุฤดูร้อน ที่มันอาจจะเกิดบ่อยๆ ในฤดูหน้าร้อน และก็ได้จ่ายเงินกันเป็นที่เรียบร้อย ช่างก็แยกย้ายไปทำที่อื่นกันต่อ
และวันรุ่งขึ้น เพื่อความไม่ประมาท ผมจึงติดต่อช่างรับเหมาให้มาทำการเทคานยึดระหว่างเสาแต่ละต้นให้เรียบร้อย ในระหว่างนี้ก็มีอาฟเตอร์ช็อคมาอยู่เรื่อยๆ เลย
พอเทคานเสร็จ เพื่อทำการก่อยกพื้น ขึ้นให้สูงราวเมตรกว่าๆ ครับ และในระหว่างนี้ชาวบ้าน ที่ได้ผ่านไปผ่านมาก็จะแวะมาดูบ้านบ้าง
แล้วก็อุทานออกมาว่า บ้านหยังมาสูงแต๊สูงว่า นั่นหมายความว่า ว่าทำไมบ้านสูงจัง ซึ่งผมได้ยินคำนี้ทุกวัน ในใจก็แอบคิดว่า อืม มันยังไม่เสร็จครับ 555
เมื่อก่อพื้นยกขึ้น แล้วก็ทำการเทพื้นใต้ถุนบ้าน และ ก็ก่อฝาผนังบ้างบางส่วน แต่ว่าผม พบว่าฝีมือช่างกลุ่มนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ จึงให้หยุดงานไปก่อน
และหลังจากงานยึดโครงสร้างเสาด้านล่างเรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้ว่า จ้างช่างอีกกลุ่มมาดำเนินการปรับปรุงหลังคา โดยได้แก้ไขจากทรงจั่วเดิมให้เป็นทรงไทย หรือ ทรงปั้นหยาก๋าย (ภาษาเหนือ)
ซึ่งใช้ไม้โครงสร้างเดิมมาปรับใช้ และระหว่างนี้ก็มีช่างหลายคนมา แนะนำว่าทำไมไม่ใช้เหล็กไปเลย บางคนบอกว่ามันอาจจะรับน้ำหนักกระเบื้องว่าวไม่ไหวนะ แต่ว่าผมก็ยังยืนยันที่จะใช้ไม้ในการทำโครงสร้าง เพราะว่าเราสามารถเพิ่มในส่วนของ หน่องหนัก ( ภาษาเหนือ ) หรือตัวรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
ตรงส่วนของ ก้าน หรือส่วนที่จะให้กระเบื้องเกี่ยวนั้น ผมก็ได้เลือกใช้เหล็กกล่องขนาด 1 นิ้ว พ่นสีกันสนิมครับ คิดว่าน่าจะดีกว่าใช้ไม้
ซึ่งหลังจากนั้น ก็เริ่มทำการมุงหลังคาครับ จะสังเกตุว่า ช่างของผมมีแค่สองลุงป้าครับ คุณป้าก็ยืนให้กำลังใจกับคุณลุงที่ขึ้นบนหลังคา และช่างแถวบ้านนอกพอถึงฤดูทำนาเขาก็จะไปทำนากันหมดครับ จะเหลือก็แค่เพียงสองคนนี้เท่านั้น ที่เขาไม่ได้ทำนา ก็ช่วยกัน ค่อยๆ ทำไปครับ
รูปอันนี้เป็นภาพหลังจาก ที่ปรับปรุงหลังคาบ้านเสร็จเรียบร้อย แล้วครับ ดูดีขึ้นมาเลยทีเดียว ส่วนนี้หมดค่าใช้จ่าย สำหรับช่างในส่วนนี้ไปประมาณ 50,000 บาทครับ
และส่วนของช่องลมเดิมที่เป็นเหล็กดัดเป็นซี่ๆ ผมได้ให้ช่างแก้ไขทำเป็น ฝาไหล แบบโบราณ โดยคิดว่าน่าจะเข้ากับตัวบ้าน โดยฝาไหลนี้สามารถ เปิด - ปิด ได้ด้วยการเลื่อน ซ้าย - ขวา
หลังจากนั้น ก็จะเป็นมหกรรมทำสีด้านนอกครับ ซึ่งผมเลือกที่จะใช้สีแบบเดิม คือเ ป็นสีปี๊บครับ ราคาปี๊บละประมาณ 300 กว่าบาท ซึ่งก็หมดไปหลายปี๊บเลยทีเดียว และผมก็ได้ทำการเจาะบันไดด้านในตัวบ้านเพิ่มดังภาพ
รูปหลังจากทาสีด้านนอกเสร็จครับ ให้อารมณ์เหมือนบ้านโบราณเหมือนเดิม
โดยในส่วนของประตูหน้าบ้านเดิม ก็เป็นซี่ลูกกรงไม้โล่งๆ ซึ่งอันนี้ผมลงมือทำเองกับมือเลยครับ โดยการใช้ไม้กระดานปิดด้านล่าง โดยจากนั้นก็เอากระจกสีลายดอกพุดมาใส่ด้านบนที่เหลือ ก็ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ละครับ
รูปนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ที่ได้ลงมือทำกับตัวเองครับ ก็คิดว่าจะทำช่องลมติดห้องนั่งเล่นด้านล่าง เพื่อให้อากาศและแสงสามารถลอดผ่านได้ ดังนั้นก็เลยไปเอาลูกติ่งไม้มาใส่กรอบไม้ดังภาพ ลงมือทำทั้งคืนเลยครับ หลังเลิกงาน
ซึ่งประตูก็ใช้ประตูลูกฟักไม้เก่า และเอามาลอกสีเก่าออกเองครับ โดยใช้น้ำยาลอกสีทาทิ้งไว้ แล้วก็ขูดออกๆ
และพอมาถึงฤดูน้ำหลากก็เป็น ดังสภาพที่เห็นครับ รูปอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมต้องสร้างบ้านสูงครับ โดยช่วงนี้ช่าง ที่จะรับทำหลังคา และ ตัวบริเวณบ้านด้านบนนั้นเสร็จพอดีครับ และผมก็เลยพอได้พักซักระยะ รอน้ำลดแล้วค่อยมาลุยกันต่อ
พอพักไประยะหนึ่ง หลังจากช่วงน้ำหลาก ผมก็ได้ไปหาช่างที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องงานปูน อันนี้สำคัญครับเพราะ ช่างไม้ ก็จะเก่งเฉพาะงานไม้ ช่างปูนก็จะชำนาญเรื่องงานปูน
ถ้าหากเราเอาช่างไม้ มาทำงานปูนงาน ออกมาก็จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ
ถ้าจำได้ในส่วนของชานบ้านที่เป็นปูนที่ผมได้ทุบทิ้งไปก่อนที่จะทำการย้ายละดีดบ้านนั้น ซึ่งผมก็ได้ให้ช่างทำเขา ช่วยเพิ่มชานบ้านออกมาเหมือนเดิม
และได้ให้ไอเดียว่า สำหรับชานที่ยื่นออกมานั้น มันจะทำเป็นห้องน้ำชั้น บน - ล่าง แล้วก็เป็นระเบียงชั้นบนใต้ระเบียงชั้นล่างเป็นห้องเล็กๆ สักห้อง ช่างก็ลงมือทำออกมาดังที่เห็น และช่างบางส่วนก่อไปทำการก่อบล็อกประกบเสาเดิมที่มีขนาด 7 นิ้ว ให้ใหญ่ขึ้นดังรูป
ซึ่งด้านล่างของเรือนไม้หลังเล็ก บอกช่างว่าจะเอาไว้ทำห้องนั่งเล่น / ห้องโถงรับแขกไปในตัว ด้านหลังติดประตูไม้สักลูกฟักดังที่เห็น
สำหรับด้านหน้าบ้านเพิ่มเสาเข้าไป 2 ตัว ก็กะว่าจะทำเป็นมุกหน้าบันไดหน้าบ้าน เพื่อเอาไว้นั่งเล่น และ เป็นกันสาดบันไดไปในตัว
ภายในตัวบ้าน ที่ผมได้เจาะพื้นบ้านไม้ด้านบนรอไว้แล้วนั้น ก็ทำบันไดขึ้นไป โดยได้เลือกใช้บันไดไม้เก่าที่มีอยู่ครับผสมกับพักบันไดปูนเนื่องจากบ้านค่อนข้างสูง (เผื่อไว้ให้แม่เดินขึ้นบ้านเหนื่อยจะได้พักตรงนี้ก่อน แฮ่ๆ )
ซึ่งผมก็ได้ติดตั้งช่องลมไม้ที่ผมได้ทำไว้ก่อนหน้าที่ไว้ตรงข้างๆ บันไดนี่พอดี แสงจะได้ลอดเข้ามาครับ บริเวณนี้จะได้ไม่มืด
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสองอาทิตย์ ในส่วนของการต่อเติมชานบ้านด้านล่างเสร็จแล้วครับ โดยเสาทุกต้นก็พอกเสร็จแล้วครับ ทำให้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างตาม ที่เค้าร่างที่เคยออกแบบไว้แล้วละสิ
พอทำไปสักพัก แม่กับแฟน ก็แวะมาดูแล้วก็ถามว่าจะทำกับข้าวที่ไหน เอ่อ ผมนึ่อึ้งเลย ต้องไปปรึกษาญาติๆ และก็บอกให้ทำห้องครัวเพิ่มครับ ผมเลยต้องต่อเติมด้านหลังบ้านเพื่อทำให้ครัว โดยไอเดียคือห้องครัวแบบไทยๆ ครับ โล่งๆ เน้นการใช้งาน ก็ให้ช่างดำเนินการลงเสาเลยครับ
รูปภาพช่วงนี้ช่างก็ทำชานบ้าน ด้านบนเสร็จแล้วครับ รูปอันนี้ก็อีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ที่ได้ลงมือทำเองเลยครับ กระจกสีลายดอกพุดที่เหลือจากการตกแต่งประตูหน้าบ้าน ซึ่งผมก็เอามาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และใส่เป็นช่องๆ ซึ่งตรงประตู นั้นออกนอกระเบียงชั้นบนครับ
และเพื่อเพิ่มความอ่อนโยน ให้กับเสาบ้านโดยการติดคิ้วบัวเข้าไปสองชิ้นดังภาพครับ
ซึ่งประตูเข้าห้องนั่งเล่นก็เป็นประตูไม้เก่า ที่ได้เอามาทำสีใหม่ครับ ตกแต่งเพิ่มเติมไปนิดหน่อย
และจากนั้น ก็เป็นการปูกระเบื้องพื้นด้านล่างครับ โดยเลือกกระเบื้องสมัยใหม่แต่ลายออกโบราณๆ นิดๆ ครับ จากโฮมโปร
หลังจากนั้นก็เริ่มทำสีครับ ซึ่งผมเลือกสีที่มีชื่อว่า Chiang Mai Rose ครับ
รูปพวกนี้เสสร็จเรียบร้อยไปแล้วครับ สำหรับการปรับปรุงบ้านไม้เก่ามรดกของคุณตา คุณยายให้มีสภาพใช้งานได้ต่อไป ตอนนี้ 95% แล้วครับ โดยเหลือเพียงการตกแต่งภายในเล็กน้อยกับการปรับภูมิทัศน์รอบๆ บ้านครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกระทู้ครับ
งบประมาณที่ใช้ไปทั้งสิ้นก็ประมาณ 700,000 กว่าบาทครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น