สำหรับคนส่วนใหญ่ มักจะมีความคิดที่ว่า บ้านหลวง มีไว้อยู่กันแบบ กันตาย ใช้เป็นที่ซุกหัวนอน และอย่าไปทำอะไรเยอะ แต่ว่าเรากลับคิดต่างนะคะ
และเราคิดว่าในชีวิตของคนเรานั้น ขอแค่ กินดี อยู่ในที่ดีๆ จากนั้นก็จะส่งผลให้สุขภาพ กายและใจดี มีผลต่อการดำเนินชีวิต
นั้นมีความรู้สึก แบบว่าเคยไปหาเพื่อนที่ คอนโด บางห้อง หรือบ้านพักที่ ในห้องอุดอู้มากๆ ทั้งอับเลอะเทอะ แถมเวลาทำกับข้าว ตรงผนังห้องก็มีแต่คราบควันจากการทำอาหาร ทั้งมีเชื้อราเป็นหย่อมๆ แบบนี้ก็ยังอยู่กันได้เนอะ และไม่คิดจะทำไรให้ชีวิตดีขึ้นกันเลย เราคิดว่าถ้าเราอยู่ในที่ที่มันไม่ดี แล้วคุณภาพชีวิตมันจะดีได้อย่างไร ว่าไหมคะ...
ซึ่งฉันเพิ่งได้มีโอกาส เข้ามาอยู่ห้องชุดสำหรับอยู่อาศัยของข้าราชการ โดยที่ได้ห้องริมด้านหน้าของอาคาร ความรู้สึกเข้าไปดูตอนแรกก็รู้สึกว่าโอ้ มันช่างเริ่ดอ่ะลักษณะคล้ายคอนโดมิเนียม มีจำนวน 1 ห้องรับแขก 1 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำ เมื่อเราเดินเข้าไปเดินดูสภาพบ้านในตอนแรก ก่อนเข้ามาอยู่ ซึ่งมีน้องๆ พามาดู ห้องกว้าง,โล่ง,ปลอดโปร่งสบาย
พูดขนาดนี้แล้ว เราเข้ามาดูกันต่อเลยดีกว่า ตรงนี้เป็นห้องนอน ซึ่งคนที่อยู่เก่าเค้าเป็นผู้ชาย ท่าทางจะเป็นแฟนแมนยู ตัวจริงทั่วทุกจุดของห้องมีแต่รูปนักฟุตบอล และก็ยังมีรูปพระอีกด้วย
ก็ได้ตัดสินใจว่าจะเข้ามาอยู่ชัวร์ๆ ก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงเลย ฉันจัดการเปลี่ยนสีห้องซะหน่อย โดยได้ไปผสมสีที่ โฮมโปร เลือกๆ จิ้มๆ แล้วก็มาช่วยกันละเลงทาสีกับแฟน เสียดายตังค่าช่างทาสี
โดยหลังจากที่เราได้ทาสีห้องรับแขก ก็ได้จัดการทาสีห้องนอนต่อ ซึ่งตอนแรกเราเลือกสีออกมาสีเขียว แต่พอทาไปจริงๆ กลับกลายเป็นเขียวสะท้อนแสงซะงั้น โอ๊ยๆๆ ลมแทบจะจับ ตอนแรกก็นึกว่านอนอยู่ในร้านขายหม้อน้ำ เพราะสีเหมือนน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำเลยอ่ะ
สิ่งที่อยากจะเปลี่ยน และคุณแฟนก็วีน โดยสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยน เพราะไม่ไหวจริงๆ ต้องขอเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวอันนี้แทน พร้อมทั้งจัดการซื้อที่นอนพร้อมกับฐานรองมาด้วย
โดยส่วนของงานสี เมื่อทาเสร็จ งานต่อไปก็ 1.งานม่าน , 2.งานไฟ , 3.งานเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเราก็ต้องมา จัดการงานไปตามใจปรารถนา ซึ่งเมื่อเสร็จออกมาคอนโด หรือบ้านหน้าตาก็ออกมาประมาณนี้ มันอาจจะไม่สวยหรูสักเท่าไร เพราะว่างบประมาณจำกัดมาก และสำหรับเงินเดือนข้าราชการอันน้อยนิด แต่ว่าแค่นี้เพื่อนๆ ในแฟลตก็ชื่นชมกันน่าดูแล้ว ฮ่าๆๆ
ห้องของเรา มันดูโล่ง ก็เลยจัดการติด wall stricker และติดไป โดยด่วน ซึ่งงานนี้ ฟรุ้งฟริ้ง มรุ้งมริ้งเลย
และถ้าหากไม่ทาสีใหม่ ก็ได้ แต่สำหรับเราคิดว่า ถ้าหากจะอยู่ทั้งทีก็ขอให้มันมีคุณภาพชีวิตที่ดีสักหน่อย แล้ว ที่บอกว่า การตกแต่ง หรือทาสีใหม่ ทำได้ไหม ก็ขอบอกเลยว่าได้สิคะ และทำจากงบส่วนตัว ไม่ได้เบียดบังงบประมาณหลวงมาทำนี่คะ
ซึ่งเราก็เหลืออายุราชการอีกตั้ง 20 ปี และก็คงไม่คิดจะย้ายไปไหนแล้ว เพราะว่าบ้านอยู่ที่นี่ สรุปก็คือ จะอยู่จนกว่าจะเกษียณไปเลยค่ะ
ส่วนตัวฉัน ก็คิดด้วยว่า ชีวิตของการเป็นข้าราชการ ถ้าหากเราไม่เปลี่ยนหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองซะก่อน แล้วจะไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนอื่นได้อย่างไรนะคะ รูปนี้ยังรกอยู่เลยค่ะ และก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง
ลองเพิ่มโคมไฟ ตรงหัวเตียง เพื่อให้ห้องดูอบอุ่น
นี่เป็นงานในส่วนของผ้าม่านก็จัดการ DIY เองเลยค่ะ ก็หมดงบประมาณไป 1300 บาท จะมีขาม่าน ราง ผ้าหนา ผ้าม่านโปร่งด้วย
ซึ่งในส่วนของมุมนี้ ยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่ว่าก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
และตรงนี้เป็นโซนแต่งหน้าค่ะ
พอเวลาจะดูทีวีก็มานั่งรวมกันตรงนี้เลยค่ะ
ส่วนทางด้านหลังห้องของเรา ได้ปลูกต้นโมก เพื่อให้มีกลิ่นหอมเย็น หอมชื่นใจของดอกโมกเอาไว้ ดับความร้อน
นับเป็นผลงานของคนที่อยู่คนเก่า ซึ่งเจาะรู เนื่องจากปูนกะเทาะ เราต้องมาซ่อมแซมให้ อันนี้งบประมาณส่วนตัวล้วนๆ เลยค่ะ
ส่วนตรงประตู ถ้าดูผลงานจากการติดภาพนักฟุตบอล จะขัด อย่างไร ก็ไม่ออกสักที เฮ้อ
รูปภาพนี้ถ่ายจากด้านล่างขึ้นไปนะคะ ตรงนี้เป็นด้านหลังห้อง แต่ว่าเป็นด้านหน้าแฟลชคล้ายๆ คอนโดไหมล่ะคะ
และหลังจากนั้น เราก็จะมา ตกแต่งเพิ่มเติม ความสวยงามให้ในห้องนอนซักหน่อย
และในส่วนสำหรับตรงมุมนี้ก็คือ เป็นมุมสำหรับ รับประทานอาหาร ในครอบครัวกันนะคะ
ลองสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ของเราก็ไม่ได้ใช้งบมากมาย เกินไปนะคะ มีดังนี้ค่ะ
- ใช้จ่ายค่าสี 3 ถัง ราคา 600 บาท ค่าแรงฟรีๆๆ
- ใช้จ่ายค่าชั้นวางทีวี 1000 บาท ซื้อร้านขายเฟอร์ตอน Sale 70%
- ใช้จ่ายค่าทีวี LED 32 นิ้ว ราคา 6500 บาท
- ใช้จ่ายซื้อตู้เย็น ราคา 3000 บาท
- ใช้จ่ายซื้อผ้าม่านพร้อมราวติด 2 ห้อง ราคา 1300 บาท DIY
- ใช้จ่ายซื้อเตียงพร้อมฐานรอง ราคา 5900 บาท
- ใช้จ่ายซื้อกระจกแต่งหน้าพร้อมกับฐานรอง ราคา 800 บาท ซื้อจากโฮมโปรมาติดเอง
- ใช้จ่ายทำการติดแอร์ 12000 BTU ราคา 8000 บาท
- ใช้จ่ายซื้อโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ขาว,ดำ 4 ตัว ราคา 1400 บาท
- ใช้จ่ายซื้อกรอบรูปและนาฬิกา ราคา 700 บาท
- ใช้จ่ายซื้อ wall stricker ราคา 100 บาท
- ใช้จ่ายเสียค่าช่างมาเดินไฟ ราคา 300 บาท
- ใช้จ่ายแซนทีเรีย ราคา 1350 บาท ซื้อจาก Index
- ใช้จ่ายซื้อหมอนและหมอนข้าง ราคา 1200 บาท
- ใช้จ่ายทำการติดจานดาวเทียมพร้อมกล่อง GMM ราคา 1850 บาท
- ใช้จ่ายซื้อสายไฟ,ปลั๊กและหลอดไฟ ราคา 900 บาท
- ใช้จ่ายค่าซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊ก ราคา 500 บาท
รวมสรุปยอดรวมค่าใช้จ่าย 35400 บาท แต่ว่าอย่าลืมว่าของส่วนใหญ่ถ้าเราย้ายออกไป แล้วหาทำเลซื้อขายบ้านใหม่ เราเอากลับไปได้เพราะมันเป็นสมบัติของเรานะค่ะ
จริงๆ แล้วงบขนาดนี้สำหรับการดำรงชีวิตจนกว่าเกษียณอีก 20 ปี มันก็เกินคุ้มนะคะ เพราะสุดท้าย แอร์ ทีวี ตู้เย็น โต๊ะ เราก็ต้องย้ายเอากลับไปอยู่ดี ส่วนสิ่งที่เราเอากลับไปไม่ได้คือสีห้องอย่างเดียว ราคาแค่ 600 บาท และตอนออกอาจจะต้องซื้อสีเดิมมาทาทับ ซึ่งถังนึงก็ราคาไม่กี่ร้อยบาทเอง ค่ะ
ขอบคุณที่มา: อพันตรี
มองหาคอนโดมิเนียม คอนโด ราคาถูก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น